ใบอนุญาตนำเที่ยวเลขที่ : 11/06333

เวลาทำการ

จันทร์ - ศุกร์ 08.30 - 17.30 น.

Rosenborg Castle โรเซนเบิร์ก ปราสาทแห่งราชาของเดนมาร์ก 🏰🍂

Rosenborg Castle โรเซนเบิร์ก ปราสาทแห่งราชาของเดนมาร์ก 🏰🍂

Rosenborg Castle โรเซนเบิร์ก ปราสาทแห่งราชาของเดนมาร์ก ‘กรุงโคเปนเฮเกน’ เมืองหลวงแสนสวยของประเทศเดนมาร์ก ได้เชิญชวนนักเดินทางจากทั่วโลกให้มาสัมผัสเสน่ห์แห่งเทพนิยายและวิถีชีวิตที่ยาวนานผ่านงานเขียน สถาปัตยกรรมและงานศิลป์ซึ่งกระจายอยู่ทั่วทั้งเมือง โดยสิ่งที่สะท้อนภาพประวัติศาสตร์ของชาวเดนมาร์กได้อย่างชัดเจน คือ ‘ปราสาทและพระราชวัง’ อันเปรียบเสมือนกล่องสมบัติล้ำค่าที่บรรจุเรื่องราวและการพัฒนาของประเทศในด้านต่าง ๆ ไว้มากมาย !

Rosenborg Castle โรเซนเบิร์ก ปราสาทแห่งราชาของเดนมาร์ก

Rosenborg Castle โรเซนเบิร์ก ปราสาทแห่งราชาของเดนมาร์ก

รักยิ้มทัวร์ขอนำทุกคนไปสัมผัสความงดงามวิจิตรตระการตาของหนึ่งในแลนมาร์กระดับชาติอย่าง ‘ปราสาทโรเซนเบิร์ก (Rosenborg Castle)’ พระราชวังที่งามสง่าซึ่งตั้งอยู่ใจกลางกรุงโคเปนเฮเกนเป็นเวลาราว ๆ  400 ปี ซึ่งมีความโดดเด่นทั้งภายในและภายนอกที่ตกแต่งด้วยงานศิลปะชั้นครูและมีความหรูหราจากวัสดุชั้นเลิศ ! โดยเราจะพาเดินทัวร์รอบ ๆ ‘ปราสาทโรเซนเบิร์ก’ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบตัดสินใจเลือกแพ็กเกจทัวร์เดนมาร์กให้เหมาะกับสไตล์ตนเองที่สุด

ความเป็นมา ปราสาทโรเซนเบิร์ก (Rosenborg Castle)

พระราชวังฤดูร้อนอันโอ่อ่าแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยใช้เวลา 28 ปี (ค.ศ.1605-1633) ณ สวนสาธารณะคิงส์การ์เดน (The King’s Garden หรือ Kongens Have – ปัจจุบันกลายเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางกรุงโคเปนเฮเกน) ในรัชสมัยกษัตริย์พระเจ้าคริสเตียนที่ 4 ในลักษณะปราสาทที่มีหอคอยและหลังคาทรงสูงสไตล์ดัทช์-เรอเนซองส์ (Dutch Renaissance) ซึ่งพระองค์ทรงเชี่ยวชาญในงานสถาปัตยกรรมแนวนี้จึงทรงตั้งพระทัยในรายละเอียดของงานก่อสร้างเป็นอย่างมาก

โดยภายนอกนั้นทำมาจากอิฐสีแดงผสมผสานหินทรายสีอ่อนและส่วนภายในจะประกอบด้วยห้องต่าง ๆ มากมายซึ่งถูกตกแต่งสุดอลังการด้วยศิลปะแบบเรอเนซองส์และบาโรก (Baroque) ภายหลังรัชสมัยของพระองค์ ปราสาทดังกล่าวยังคงถูกใช้เป็นที่ประทับของราชวงศ์เดนมาร์กต่อเนื่องมาอีกหลายรัชกาล จนกระทั่งในปี 1838 พระเจ้าเฟรเดอริกที่ 7 ได้ทรงมีพระราชโองการให้ปรับปรุงปราสาทแห่งนี้ให้เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าเยี่ยมชมความงามและเรียนรู้พระราชประวัติราชวงศ์เดนมาร์กอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ เราสามารถไปเยี่ยมชมที่ ‘ปราสาทโรเซนเบิร์ก’ ได้เกือบทุกวัน เวลาประมาณ 10.00 – 17.00 น. และมีค่าธรรมเนียมด้วย (เช็คเวลาการให้บริการและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.kongernessamling.dk/en/rosenborg)

โดยบรรยากาศของปราสาทและสวนสาธารณะคิงส์การ์เดนจะเปลี่ยนไปตามแต่ละฤดูกาล จึงทำให้เกิดทัศนียภาพที่มีเอกลักษณ์และเสน่ห์ไม่ซ้ำกัน โดยมีไฮไลท์ ดังนี้

  • 🌿ฤดูใบไม้ผลิ : หิมะเริ่มละลาย ทำให้ต้นไม้ออกดอกออกใบต่าง ๆ ทำให้สามารถเดินเล่นรอบ ๆ สวนได้ เพราะว่า อากาศเย็นสบายและแดดไม่แรง
  • ☀️ฤดูร้อน : ช่วงอากาศอบอุ่นซึ่งเป็นไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวใน ‘ปราสาทโรเซนเบิร์ก’ และ ‘สวนสาธารณะคิงส์การ์เดน’ เนื่องจากบรรยากาศโดยรอบที่เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวขจีและดอกไม้หลากหลายพันธุ์
  • 🍂ฤดูใบไม้ร่วง : อากาศเริ่มเย็นลง รวมถึง ต้นไม้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง เหลือง และส้มที่สวยงาม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งฤดูกาลที่มีเสน่ห์และบรรยากาศโรแมนติกมาก ๆ .
  • ❄️ฤดูหนาว : หิมะที่โปรยปรายปกคลุมทุกพื้นที่ ทำให้เกิดภาพสุดคลาสสิคของปราสาทตัดกับหิมะสีขาวเหมือนโลกแฟนตาซีของฝั่งตะวันตกเลย

สถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมที่น่าสนใจ

  • เดินเล่นสวนสาธารณะคิงส์การ์เดน สวนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดและมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงโคเปนเฮเกน โดยสมัยก่อน สวนแห่งนี้เป็นสวนส่วนพระองค์ของกษัตริย์พระเจ้าคริสเตียนที่ 4 ซึ่งถูกตกแต่งด้วยดอกไม้หลากสีสัน ต้นไม้รูปทรงสวยงาม น้ำพุ และประติมากรรมมากมาย ก่อนที่จะเปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ในปี ค.ศ. 1748 จึงกลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจยอดนิยมในการทำกิจกรรมต่าง ๆ (เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 7.00 – 22.00 น. และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.visitcopenhagen.com/copenhagen/planning/kings-garden-gdk420899)
  • เยี่ยมชมปราสาทโรเซนเบิร์ก ภายในปราสาทนั้นมีทั้งหมด 4 ชั้นซึ่งประกอบไปด้วยห้องจำนวนมากสำหรับรับรองพระราชกิจวัตรต่าง ๆ ของแต่ละพระองค์ โดยแต่ละห้องได้รับการออกแบบให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเราจะเริ่มทัวร์กันตั้งแต่ชั้นใต้ดิน ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
    • ห้องสมบัติ (ชั้นใต้ดิน) : ส่วนจัดแสดงสมบัติหลากหลายชิ้นของราชวงศ์ซึ่งเปิดให้สาธารณชนเข้าชมครั้งแรกในปี 1975 โดยมีสิ่งล้ำค่าระดับชาติ เช่น พระแสงขรรค์ของกษัตริย์พระเจ้าคริสเตียนที่ 3, มงกุฎของกษัตริย์พระเจ้าคริสเตียนที่ 4 และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของกษัตริย์อื่น ๆ เป็นต้น
  • ห้องอื่น ๆ บริเวณชั้นใต้ดิน ได้แก่
    • ห้องเก็บอาวุธ (Weapons and wine barrels – คอลเลกชันอาวุธของกษัตริย์พระเจ้าเฟรเดอริกที่ 3 และคริสเตียนที่ 5)
    • ห้องงาช้างและอำพัน (Ivory and amber – จัดแสดงของสะสมที่ทำมาจากงาช้างและอำพันประมาณ 700 ชิ้น)
    • ห้องไวน์ (The Rosenborg Wine – ไวน์ที่ใช้เสิร์ฟในงานเลี้ยงพระราชทานในโอกาสพิเศษตั้งแต่ปี 1598)
    • ห้องเก็บสมบัติสีเขียว (Green Cabinet – ใช้สำหรับเก็บของล้ำค่าที่ตกทอดกันมารุ่นสู่รุ่นภายในราชวงศ์ซึ่งมีอายุตั้งแต่ประมาณปี 1200 ถึง 1718)
    • ห้องโอเลอ เรอเมอร์ (Ole Rømer’s Room – ห้องแสดงเครื่องมือทางดาราศาตร์ในปี 1682 ของกษัตริย์พระเจ้าคริสเตียนที่ 5 ซึ่งทรงซื้อไว้)
  • ต่อมาคือ ชั้น G ซึ่งจะเป็นพื้นที่ใช้สอยของราชวงศ์ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
    • ห้องทรงงานของคริสเตียนที่ 4 (Christian IV’s Writing)
    • ห้องส่วนตัวสำหรับฤดูหนาวของคริสเตียนที่ 4 (Christian IV’s Winter Room – ห้องที่สำคัญที่สุดในบรรดาห้องส่วนพระองค์)
    • ห้องบรรทมของคริสเตียนที่ 4 สไตล์จีน (Christian IV’s Bedroom)ระเบียงหิน (Stone Corridor – ทางเดินหลักซึ่งถูกจัดวางสิ่งของสำคัญต่าง ๆ และแผนผังลำดับเครือญาติของกษัตริย์พระเจ้าคริสเตียนที่ 4)
    • ห้องไร้แสง (The Dark Room – ห้องที่ถูกบังแสงจากการสร้างหอคอยใหญ่ (Great Tower) ซึ่งถูกใช้งานฟังชั่น เช่น ห้องโถงก่อนเข้าสู่ห้องของพระราชา หรือแม้กระทั้งห้องบรรทมของพระราชาและพระราชินี)
    • ห้องหินอ่อน (The Marble Room – ห้องที่เคยถูกใช้เพื่อเฉลิมฉลองการปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช ซึ่งตกแต่งผนังด้วยวัสดุเลียนแบบหินอ่อน ซึ่งในยุคนั้นถือว่าหรูหรากว่าหินอ่อนแท้)
    • ห้องโถงของคริสเตียนที่ 5 (Christian V’s Hall – โถงที่ใช้เเก็บรักษาสิ่งของและภาพเหมือนของพระองค์ไว้เป็นเสมือนอนุสรณ์สถานอันสง่างาม)
  • ชั้นถัดไปคือ ชั้น 1 ซึ่งจะเป็นพื้นที่ค่อนข้างส่วนของพระองค์ของราชวงศ์ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
    • ห้องของพระเจ้าคริสเตียนที่ 8 (Christian VIII’s Room – ห้องนี้จัดแสดงภาพวาด และของสะสมล้ำค่าจากยุคสมัยของพระเจ้าคริสเตียนที่ 8)
    • ห้องของฟรีดริกที่ 7 (Frederik VII’s Room – ห้องนี้มีการจัดแสดงที่เชื่อมโยงกับชีวิตและการปกครองของพระองค์เป็นหลัก)
    • ห้องของเฟรเดอริกที่ 6 (Frederik VI’s Room – สิ่งของจัดแสดงส่วนใหญ่ในห้องนี้มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตและการปกครองขอกษัตริย์พระเจ้าฟรีดริกที่ 6)
    • ห้องของพระเจ้าคริสเตียนที่ 7 (Christian VII’s Room – ห้องนี้ใช้จัดแสดงสิ่งของสำคัญต่าง ๆ จากยุคสมัยของพระเจ้าคริสเตียนที่ 7)
    • ห้องขององค์หญิง (Princess’ Chamber – ห้องของเจ้าหญิงโซฟี เฮเดอวิก พระขนิษฐาในพระเจ้าเฟรเดอริกที่ 4 ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากสไตล์จีน)
    • ห้องโถงของเฟรเดอริกที่ 4 (Frederik IV’s Hall – ห้องรับรองสำหรับเจ้าหญิงโซฟี เฮเดอวิก พระขนิษฐาในพระองค์)
    • ห้องทรงงานของพระเจ้าเฟรเดอริกที่ 5 (Frederik V’s Cabinet)ห้องกุหลาบ (The Rose – ห้องโถงกลางซึ่งเคยถูกใช้เป็นห้องรับประทานอาหารสำหรับขุนนางชายหญิงในราชสำนัก)
    • ห้องของพระเจ้าคริสเตียนที่ 6 (Christian VI’s Room – ห้องจัดแสดงสิ่งของสำคัญต่าง ๆ ของพระองค์)
    • ห้องทรงงานของเฟรเดอริกที่ 4  (Frederik IV’s Cabinet)
  • ชั้นสุดท้าย คือ ชั้น 2 ซึ่งจะเป็นโถงขนาดใหญ่ ซึ่งจัดแสดงสิ่งของต่าง ๆ ดังนี้
  • ห้องโถงอัศวิน (The Knights’ Hall – โถงนี้ถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับการเต้นรำ เข้าเฝ้า และจัดงานเลี้ยง)
    • พระราชอาสน์ (The anointment throne – ที่นั่งสำหรับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของกษัตริย์เดนมาร์ก เริ่มใช้งานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1671 จนถึงปี ค.ศ. 1840)
    • เก้าอี้สำหรับนั่งเข้าเฝ้า (Audience Chair – ใช้สำหรับเข้าเฝ้าของกษัตริย์พระเจ้าคริสเตียนที่ 6 อันเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่และอำนาจ)
    • ห้องเครื่องลายคราม (Porcelain Cabinet – จัดแสดงเครื่องลายครามที่กำลังเป็นที่นิยมในช่วงปลายศตวรรษที่ 17 ของยุโรป)
    • ห้องเครื่องแก้ว (Glass Cabinet – ภายในห้องจัดแสดงคอลเลคชั่นเครื่องแก้วชั้นเลิศ ซึ่งพระเจ้าเฟรเดอริกที่ 4 ทรงได้รับเป็นของขวัญ จากเมืองเวนิส)
    • ห้องเครื่องราชกกุธภัณฑ์ (The Regalia Room – ห้องนี้เคยเป็นห้องเก็บเครื่องราชกกุธภัณฑ์และสมบัติล้ำค่าส่วนใหญ่ของราชวงศ์)

อย่างไรก็ตาม ยังมีปราสาทอันงดงามที่รอต้อนรับแฟนคลับผู้หลงไหลโลกแฟนตาซีอีกหลายแห่งทั่วโลกเลย เช่น ปราสาทสีขาว ‘Himeji ’ มรดกของประเทศญี่ปุ่น, ปราสาทของปรมาจารย์อัศวินแห่ง ‘Rhodes’ ในกรีซ, ปราสาท ‘Neuschwanstein’ ผลงานชิ้นเอกแห่งบาวาเรียของเยอรมัน, ปราสาท ‘Segovia’ หนึ่งในปราสาทที่สวยงามตระการตาที่สุดในยุโรปที่อยู่ในสเปน, ปราสาทสีแดงและเหลืองอันสดใส ‘Pena’ ในโปรตุเกส, ปราสาท ‘Topkapi’ พระราชวังอันโอ่อ่าของตุรกี, ปราสาทที่ ปล่องภูเขาไฟโบราณ ‘Edinburgh’ ของสกอตแลนด์, ปราสาท ‘Chambord’ กลางหุบเขาลัวร์ของฝรั่งเศส, ปราสาทถ่ำ ‘Predjama’ ของสโลวีเนีย และปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในโลก ‘Prague’ ของสาธารณรัฐเช็ก เป็นต้น

สเตย์จูนกับรักยิ้มทัวร์ไว้แล้วจะไม่พลาดเรื่องราวการท่องเที่ยวอันน่าอัศจรรย์ใจอย่างแน่นอน ! ท่านใดที่ต้องการสัมผัสมนต์เสน่ห์ของ ‘ปราสาทโรเซนเบิร์ก (Rosenborg Castle)’ หรือท่องเที่ยวใน ‘เดนมาร์ก’ กับรักยิ้มทัวร์ สามารถเลือกจองแพ็กเกจทัวร์ต่าง ๆ ได้ทันที หรือต้องการจัดกรุ๊ปทัวร์แบบเอ็กคลูซีฟ สามารถติดต่อสอบถามได้ตามช่องทางด้านล่างได้เช่นกัน

👉ดูโปรแกรม ทัวร์เดนมาร์ก / เที่ยวเดนมาร์ก


📍ติดต่อสอบถาม / จอง ได้ที่  
💚Official Line ID : @rakyimtour Click http://line.me/ti/p/%40rakyimtour
📱โทร. 0942492236 (คุณรักษ์)
📱โทร. 0909914787 (คุณเกด)
📱โทร. 0625672275 (คุณเบล)


ติดตามคลิปรีวิวที่เที่ยวทั่วไทยได้ที่
🎬 ช่อง Youtube #อาหมวยพาเที่ยว
🔔กดติดตาม และ กดกระดิ่ง แจ้งเตือน
💖เพื่อจะได้ไม่พลาดคลิปใหม่ๆ ฝากด้วยนะคะ
www.youtube.com/user/rakyimtourbkk/


 ✈️ติดตาม รักยิ้มทัวร์ ได้ที่
🌎Website: https://www.rakyimtravel.com/ ,https://www.rakyimtour.com/
💻 Facebook: https://www.facebook.com/rakyimtour
📱 Line Official : @rakyimtour -> http://line.me/ti/p/%40rakyimtour
🛒Line My Shop : https://shop.line.me/@rakyimtour
🎬Youtube: https://www.youtube.com/user/rakyimtourbkk/
🎥TikTok : https://www.tiktok.com/@rakyimtour
🖼️ Instagram: https://www.instagram.com/rakyim_tour
📰 Twitter: https://www.twitter.com/rakyimtour1


จองผ่านไลน์

@rakyimtour